วิธีรักษาหลุมสิว สำหรับหนุ่มๆ ให้หน้ากลับมาใส เรียบเนียนกริบ
สำหรับคุณผู้ชายท่านใด ที่รู้สึกว่าปล่อยให้หน้าตัวเองโทรม และจมปลักกับ หลุมสิว เป็นเวลานาน ที่เกิดจากการเป็นสิวเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นเกิดจากสิวหัวช้าง สิวอักเสบ ที่ไม่ได้รักษาให้ตรงจุดแต่เนิ่นๆ ก็อาจทำให้กายเป็นหลุมสิวในที่สุด และเมื่อสิวหายขาด แต่ยังทิ้งรอยอุกกาบาตไว้บนใบหน้า ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน หลายคนที่กำลังมองหา วิธีรักษาหลุมสิว มั่นใจได้เลยว่า มีหลากหลายวิธีการด้วยกัน จะทำให้ท่านกลับมามีผิวหน้าเรียบเนียนใสเหมือนเดิม
การเกิด หลุมสิว บนใบหน้า มีสาเหตุมาจากอะไร
ปัญหาผิวที่ทิ้งรอย ให้เป็นหลุมอุกกาบาต ทิ้งไว้บนใบหน้า มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นหน้ามัน รูขุมขนกว้าง เป็นสิว ซึ่งหลังจากการเป็นสิว จึงทำให้เกิดหลุมสิว ตามมา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผิวชั้นใน ไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อ ขึ้นมาแทนที่เนื้อเยื่อที่ถูกเชื้อสิวทำลายได้ จึงทำให้ผิวบริเวณรอบๆ เป็นรอยบุบลงไป บริเวณสิวที่สร้างคอลลาเจนขึ้นมาไม่ทัน ทำให้กลายเป็นแผลลึก เรียกว่า หลุมสิว นั่นเอง โดยมักมาจากสาเหตุหลักๆ นั่นก็คือการเกิดสิวอัก หรือที่หลายคนเรียกกันว่าสิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้างนั่นเอง และส่วนใหญ่สิวลักษณะนี้ มักจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เพราะเพศชายไม่ค่อยดูแลตัวเองมากเท่าไหร่นัก เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ตามมา อย่าปล่อยปะละเลยควรหา วิธีรักษาหลุมสิว ในทันที

การรักษาหลุมสิว ให้ผิวกับมาเนียนกริบ มีวิธีการอย่างไรบ้าง
ปัญหาสำหรับชายหนุ่มหลายๆ คนเป็นหลุมสิว ที่ทำให้หมดความมั่นใจ รักษาได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทา AHA กดแลคติก, ลอกผิวด้วยเคมี, ทำเลเซอร์ และวิธีอื่นๆ การรักษาหลุมสิวสำหรับหนุ่มๆ ที่แบ่งออกเป็น 2 วิธีการนั้นก็คือการรักษาด้วยตนเอง หรือการพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ท่านสามารถทำการศึกษา การรักษาหลุมสิว ให้ผิวหน้ากลับมาเนียนใสได้ดังนี้
1. การรักษาหลุมสิวทางเทคโนโลยี หรือวิธีทางการแพทย์
เรียกได้ว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีวิธีการกระตุ้นสำหรับการ วิธีรักษาหลุมสิว ที่ใช้ระยะเวลาไม่นานก็เห็นผลได้เร็วขึ้น โดยวิธีการนี้ คิดค้นมาเพื่อผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวโดยเฉพาะ แล้วจะต้องรักษากับแพทย์ผู้มีความชำนาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะ โดยมีหลายวิธีการด้วยการดังต่อไปนี้
1. การลอกผิวด้วยเคมี
เป็นวิธีการที่เห็นผลได้รวดเร็ว ชัดเจน เหมาะสำหรับหลุมสิวที่มีขนาดตื้น และขนาดลึกปานกลางซึ่งสารที่แพทย์ใช้ลอกผิวจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งมีสารหลายชนิดอย่างเช่นกด กรดอัลฟาไฮดรอกซี กรดซาลิกไซลิก กระตุ้นให้เซลล์ผิวกับมาตื้นขึ้นนั่นเอง
2. การทำเลเซอร์
เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันค่อนข้างมาก เป็นการใช้แสงเลเซอร์เข้ามาช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่ค่อนข้างเร็ว และเห็นผลชัดเจนกว่าวิธีการอื่น สำหรับคนที่เป็นสิวที่หายแล้ว และทิ้งรอยไม่เหมาะกับคนที่กำลังเป็นสิวอยู่ เพราะหลังทำเลเซอร์จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด เพราะการทำเลเซอร์ในแต่ละครั้งจะทำให้ผิวบางลงทางที่ดีจะต้องใช้ ผลิตภัณฑ์กันแดด ควบคู่หลังทำเลเซอร์ทุกครั้ง
3. การกรอผิว
เป็นการขับเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสียหายให้หลุดออกไป กระตุ้นให้ผิวใหม่ที่เรียบเนียนยิ่งขึ้น วิธีการนี้เหมาะกับหลุมสิวแบบตื้นๆ เช่นกัน เพราะจะเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกโดยในปัจจุบัน วิธีการนี้นำมาใช้ได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่การกรอผิวในแต่ละครั้ง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับบริการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย
4. การฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ธรรมชาติที่ผสมกรดไฮยาลูรอนิก เป็นสารที่ไม่มีอันตราย และสามารถสลายไปได้เอง นิยมฉีดเพื่อเติมร่องแก้ม และหลุมสิวโดยเฉพาะ หลุมสิว แบบลึกจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนขึ้น ผลของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ก็สลายไปดังนั้นระหว่างการสีผิวเลอร์ก็ยังคงศึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังให้ดีก่อนการฉีดทุกครั้ง เพื่อให้คอลลาเจนธรรมชาติของผิวหน้า สร้างเซลล์เนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ให้เติมเต็มกับใบหน้า
5. Microneedling
เป็นวิธีการเพื่อเติมเต็มผิว โดยวิธีการนี้จะใช้เข็มเล็กๆ จิ้มทั่วใบหน้าบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อลอกผิวให้เกิดแผลผิวที่จะสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ มาทำให้ผิวเต่งตึงเรียบเนียนขึ้น ส่งผลให้หลุมสิวตื้นขึ้น ตามไปด้วยแต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานถึง 9 เดือน จึงจะเห็นผลอย่างชัดเจนว่าผิวเรียบเนียน
6. การปลูกถ่ายผิวหนัง
เป็นวิธีการที่เห็นผลรวดเร็ว แต่ก็ใช่ว่าวิธีการนี้จะทำได้ง่ายๆ เพราะต้องผ่าตัดย้ายผิวหนังบริเวณหนึ่งในร่างกายไปทดแทนใบหน้า เหมือนเปลี่ยนผิวใหม่ซึ่งจะต้องใช้เวลาผ่าตัดพักพื้น และต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อรวมถึงวิธีการนี้ เป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงแต่ก็เห็นผลได้ดี

2. การรักษาหลุมสิว ด้วยตนเอง
วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยตนเอง จะต้องมีวินัยในการดูแล และเอาใจใส่รวมไปถึงการรับประทานอาหารเพราะต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการทาครีม หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างชัดเจนโดยท่านสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลับมามีไปหน้าที่ใสเนียนอีกครั้ง โดยการรักษาสิวด้วยตนเองดังนี้
1. การทายา AHA
เป็นสารรักษาสิวชนิดหนึ่ง ที่มักจะเห็นได้ในผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิว เนื่องจากช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และป้องกันไม่ให้เป็นรูขุมขนอุดตัน ยังจะช่วยให้รอยแผลดูจางลงด้วย เหมาะสำหรับรอยสิวทุกชนิดซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
2. การใช้กรดลิไซลิก
เป็นกรดที่มีอยู่ทั่วไปในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตั้ง แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงทำความสะอาดหน้า คลีนซิ่ง จนไปถึง moisturizer โดยคุณสมบัติเด่นๆ ก็คือช่วยทำความสะอาดรูขุมขน และลดอาการบวม และรอยแดงทั้งนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวแต่กดตัวนี้อาจจะทำให้หน้าบางลงได้ ดังนั้นจึงควรใช้ควบคู่กับ ครีมกันแดด หรือปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนทุกครั้ง
3. การใช้กรดแลคติก
เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ใช้ใน การรักษาสิว โดยไม่มีอันตรายต่อผิว โดยทางการแพทย์มีงานวิจัยออกมาว่าการลอกผิวด้วยกรดแลคติกทุกๆ 2 สัปดาห์ เป็นเวลาต่อเนื่อง 3 เดือน จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น รอยแผลเป็นจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับใครที่ไม่อยากไปพบแพทย์ก็สามารถใช้กรดแลคติกได้ด้วยตนเอง โดยการนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเช็ดหน้า +โทนเนอร์ เรียกว่าเป็นกรด และแอตแลนติกธรรมชาติชั้นดี ช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีได้ดั่งเดิม
4. ใช้เรตินอยด์
เรตินอยด์ มาพร้อมกับคุณสมบัติในการขับสร้างเซลล์ผิวใหม่ เป็นตัวเร่งทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น และยังสามารถทำให้รอยแผลเป็นจากการดูแลสิวจางลงได้ ซึ่งมี ครีมเรตินอยด์ มากมายในปัจจุบัน โดยท่านสามารถทำการศึกษา หรือลองปรึกษาแพทย์เภสัชผู้เชี่ยวชาญก่อนแล้วค่อยนำมาใช้ แต่ต้องใช้คู่กับผลิตภัณฑ์กันแดดไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ผิวบางลงได้
และใครที่กำลังเจอสภาวะสิวบุกหน้า เป็น หลุมสิว ขนาดใหญ่รักษาไม่หายขาดสักที รูขุมขนกว้างขึ้น หน้าไม่เรียบเนียนกริบ ทางที่ดีท่านควรจะทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มี วิธีการรักษาสิว ได้หลากหลายวิธี เพื่อเห็นผลได้เด่นชัดได้ดีมากที่สุดแต่ในทางที่ดีควรดูแลผิวไม่ให้เกิดสิวจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่มีหลุมสิวตาม แล้วฉันไม่ต้องกังวลใจในการรักษาสิวอีกด้วย
Most Commented Posts